การแข่งขัน : ฟุตบอล ยูโร 2020 รอบ 16 ทีมสุดท้าย
วันแข่งขัน : คืนวันจันทร์ที่ 28 มิถุนายน 2021
เวลาแข่งขัน : 02.00 น. ตามเวลาประเทศไทย
คู่แข่งขัน : ฝรั่งเศส (4) 3-3 (5) สวิตเซอร์แลนด์
สนาม : เนชั่นนัล อารีนา (กรุงบูคาเรสต์)
ฝรั่งเศส เปิดเกมบุกเข้าใส่ตามฟอร์มตั้งแต่เริ่มเกม แต่แล้ว สวิตเซอร์แลนด์ กลับสร้างเซอร์ไพรส์ออกนำก่อนจากจังหวะที่ ซูเบอร์ ได้โยนทางกราบซ้ายมาให้ เซเฟโรวิช ขึ้นโขกโล่ง ๆ เข้าไป หลังจากนั้น ทีมตราไก่ พยายามโหมเข้าใส่อย่างหนักแต่ทำได้แค่เกือบเท่านั้นจนจบ 45 นาทีแรกไปด้วยสกอร์ 0-1
เริ่มครึ่งเวลาหลัง ฝรั่งเศส ยังคงบุกอัดเข้าใส่หวังเอาประตูคืน แต่แล้วนาทีที่ 55 พวกเขากลับเสียจุดโทษ แต่ ริคาร์โด้ โรดริเกวซ กลับยิงไปติดเซฟของ ยอริส พลาดโอกาสได้ประตูที่สองไป หลังจากนั้นกลางเป็น ฝรั่งเศส ที่มายิง 3 ลูกรวดจาก เบนเซมา 2 ประตูนาทีที่ 57 และ 59 ต่อด้วย ป็อกบา ที่ยิงไกลสุดสวยเข้าไปในนาทีที่ 75 รูปเกมดูเหมือนจะตกอยู่ในกำมือ ฝรั่งเศส ทั้งหมด กระทั่งนาทีที่ 81 สวิสส์ มาไล่มาเป็น 3-2 จากลูกโหม่งของ เซเฟโรวิช ละช่วงทดเวลา กาฟรันโนวิช มายิงตีเสมอ 3-3 ได้สำเร็จ ทำให้ต้องต่อเวลาพิเศษไปอีก 30 นาที
ช่วงต่อเวลา ต่างฝ่ายต่างเน้นครองบอลมากขึ้น แต่ทาง ฝรั่งเศส เองดูจะเป็นฝ่ายหาโอกาสจบสกอร์ได้หลายต่อหลายครั้ง แต่ยังไม่เฉียบขาดพอทั้งลูกยิงของ เอ็มบัปเป้ ที่หลุดกรอบออกไปชนิดไม่น่าเชื่อ รวมถึง ชิรูด์ ที่โขกไปติดเซฟของ ซอมเมอร์ ทำให้จบ 120 นาที ต่างฝ่ายต่างบวกประตูเพิ่มไม่ได้ ต้องไปดวลจุดโทษชี้ขาด
กาฟรันโนวิช ⚽ ⚽ ป็อกบา
ชาร์ ⚽⚽ ชิรูด์
อาคันยี ⚽⚽ ตูราม
วาร์กาส ⚽⚽ คิมเพมเบ้
เมห์เมดี้ ⚽❌ เอ็มบัปเป้
และเป็น สวิตเซอร์แลนด์ ที่เฉียบคมกว่า เขี่ย ฝรั่งเศส เต็ง 1 ตกรอบไปแบบพลิกล็อค ผ่านเข้าไปพบกับ สเปน ในรอบ 8 ทีมสุดท้ายต่อไป
คะแนนนักเตะทั้งสองทีม
ฝรั่งเศส
11 ผู้เล่นตัวจริง : ยอริส (7), คิมเพมเบ้ (6.5), ลองเลต์ (6), วาราน (6.5), ปาวาร์ด (6.5), ราบิโอต์ (7), ก็องเต้ (6.5), ป็อกบา (7), กรีซมันน์ (6.5), เอ็มบัปเป้ (6.5), เบนเซมา (7.5)
ตัวสำรอง : โกมอง (6.5), ซิสโซโก้ (6), ชิรูด์ (6), ตูราม (6)
สวิตเซอร์แลนด์
11 ผู้เล่นตัวจริง : ซอมเมอร์ (8), เอลเวดี้ (6.5), อาคันยี (7.5), โรดริเกวซ (6), ซูเบอร์ (7), วิดเมอร์ (6), ฟรอยเลอร์ (6.5), ชาก้า (7), ชากิรี (6.5), เอ็มโบโล (6.5), เซเฟโรวิช (7.5)
ตัวสำรอง : เอ็มบาบู (7), กาฟรันโนวิช (7), ฟาสส์แนชค์ (6), วาร์กาส (6), เมห์เมดี้ (6), ชาร์ (6)
แมนออฟเดอะแมทช์ – แยนน์ ซอมเมอร์
นายทวารจาก กลัดบัค วันนี้ทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยมแม้จะเสียไปถึง 3 ประตู แต่วันนี้เจ้าตัวเซฟไปได้มากถึง 12 ครั้งตลอดทั้งเกม ซึ่งแน่นอนว่าหาก สวิตเซอร์แลนด์ ไม่ได้เขาคนนี้ เกมคงจะจบลงด้วยความปราชัยตั้งแต่ 90 นาทีไปแล้ว แถมช่วยยิงจดโทษชี้ขาดยังสามารถเซฟลูกยิงของ คิเลียน เอ็มบัปเป้ กลายเป็นฮีโรพาทีมเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายไปพบกับ สเปน ได้สำเร็จ
ประเด็นร้อนหลังเกม – ค่ำคืนแห่งดราม่า
หลังจากเกมคู่แรกในวันนี้ระหว่าง สเปน กับ โครเอเชีย ก็มีดราม่าให้ชมกันไปแล้ว คู่ดึกอย่าง ฝรั่งเศส กับ สวิตเซอร์แลนด์ เองก็ไม่น้อยหน้า แถมจบแบบหักมุมยิ่งกว่าเกมแรกต่างหากด้วยคว้าปราชัยของแชมป์โลกเต็งหนึ่งของรายการ ซึ่งคงโทษใครไม่ได้เพราะพวกเขายิงทิ้งยิงคว้ากันเอง แถม เอ็มบัปเป้ ที่ถูกวิจารณ์อย่างหนักในทัวร์นาเมนต์นี้นั้นก็ยังคงไม่สามารถผลิตสกอร์ได้เลยแม้แต่จากการยิงจุดโทษชี้ขาด อย่างไรก็ตามต้องชื่นชมจิตใจของบรรดาแข้งสวิสส์ที่แม้ชื่อชั้นจะเป็นรองแถมตามหลังถึง 3-1 จนถึง 10 นาทีสุดท้าย แต่พวกเขากลับไม่ยอมแพ้ไล่ยิง 2 ประตูรวดใน 10 นาทีเหมือนกับที่ โครเอเชีย ทำไม่มีผิด แต่ต่างกันที่ สวิตเซอร์แลนด์ มีทีเด็ดมากพอจะล้มยักษ์และผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายต่อไปได้
