ศึก ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป (ยูโร 2020) คืนวันอังคารที่ 29 มิถุนายน 2021
สองคู่สุดท้ายของเกมรอบน็อคเอาท์รอบแรก
อังกฤษ ผ่านเข้าไปเล่นในรอบ 8 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ เมื่อเข่นเอาชนะ เยอรมนี 2-0 จากประตูของ ราฮีม สเตอร์ลิง และ แฮร์รี เคน ในช่วงท้ายเกม โดยพวกเขาจะผ่านเข้ารอบไปพบกับ…
ยูเครน ที่มาได้ประตูชัยเอาในนาทีสุดท้ายของช่วงต่อเวลาหลังเสมอกัน 1-1 ในเวลาปกติ
อังกฤษ 2-0 เยอรมนี
ราฮีม สเตอร์ลิง 75′
แฮร์รี เคน 86′
อังกฤษ ขึ้นนำ 1-0 ในนาทีที่ 75 จากจังหวะขึ้นเกมของ สเตอร์ลิง เลี้ยงตัดจากซ้ายเข้าในประสานงานกับ แจ็ค กรีลิช ก่อนถ่ายให้ ลุค ชอว์ ที่ริมเส้นฝั่งซ้ายเปิดเลียดเข้าในและกลายเป็น สเตอร์ลิง ที่ตามไปแท็ปอินในกรอบ 6 หลาไม่พลาด
ลูกทีมของ แกเร็ธ เซาธ์เกต ได้ประตูตอกฝาโลง 2-0 ในนาทีที่ 86 จากการเสียบอลที่แดนกลางของ เยอรมนี บอลจาก ลุค ชอว์ ทะลุไปถึง แจ็ค กรีลิช ที่ฝั่งซ้ายก่อนครอสให้ เคน โขกล่อเป้าในระยะเผาขน
สวีเดน 1-2 ยูเครน
โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ 27′
เอมิล ฟอร์มเบิร์ก 43′
อาร์เทม ดอฟบิค 120+1
โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ ยิงให้ทีมของเขาออกนำไปก่อน 1-0 จากจังหวะโยนบอลยาวของ ชาปาเรนโก้ ถึง ยาร์โมเลนโก้ ที่บริเวณกรอบเขตโทษเปิดข้ามมาถึง ซินเชนโก้ ที่อีกฟากก่อนที่เจ้าตัวจะเลือกยิงทันที บอลพุ่งตูมเดียวสวนตัว โรบิน โอลเซน เข้าประตูไป
ก่อนหมดเวลาครึ่งแรก 2 นาที ฟอร์สเบิร์ก ได้โอกาสลองยิงไกล บอลไปแฉลบผู้เล่นแนวรับของ ยูเครน เข้าประตูไป 1-1 โดยในครึ่งเวลาหลังทั้งสองทีมมีจังหวะยิงไปชนเสาและคานฝั่งละหนึ่งหนแต่ก็ไม่ได้มีฝ่ายไหนทำประตูได้เพิ่มจนต้องลากยาวไปถึงต่อเวลา
รูปเกมหลังออกสตาร์ทการต่อเวลามาก็ไม่ได้ต่างจากเดิมมากนัก จนกระทั่ง สวีเดน ต้องเหลือ 10 คนเพราะ มาร์คุส ดาเนียลสัน โดนใบแดงไล่ออกนาที 98 จนกลายเป็น ยูเครน ทีได้ทีโหมบุกหนักจนกระทั่งมาได้ประตูชัยในนาที 120+1 จากตัวสำรอง อาร์เทม ดอฟบิค โขกพาเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายไปพบ อังกฤษ